สนุกกับการวิเคราะห์คลื่นสมอง
บทความนี้ จะอธิบายถึงวิธีวิเคราะห์คลื่นสมองแบบเข้าใจง่ายๆ สําหรับมือใหม่อ่านเข้าใจได้ทันที
แต่ไหนแต่ไรมา ในการศึกษา นักวิทยาศาสตร์แบ่งหมวดหมู่คลื่นสมองมนุษย์ออกเป็น 5 กลุ่ม เรียงลำดับจากความถี่สูงไปต่ำ ดังนี้คลื่นสมองระดับ เดลต้า จะมีมากที่สุดเมื่อเราจมดิ่งอยู่ในการนอนหลับพักผ่อนในสภาพที่ไร้ความฝัน นี่เป็นสภาวะที่ร่างกายกำลังพักผ่อนอย่างเต็มที่ มีการกระตุ้นการรักษาเยียวยาและฟื้นฟูร่างกายตนเอง
เวลาที่สมองทำงานจะเกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเราจะเรียกมันว่า
"คลื่นสมอง"
คลื่นสมองมีความซับซ้อนมาก นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการศึกษาเรื่องสมอง พบว่าการใช้เครื่องมือแยกคลื่นเป็นช่วงต่างๆตามระดับความถี่ แล้วแสดงค่าแยกตามช่วงระดับ จะช่วยให้ศึกษาและเข้าใจการทำงานของสมองได้ง่ายขึ้นภาพตัวอย่าง คลื่นสมองแยกออกมา 5 ช่วง เรียงจากความถี่สูงไปยังต่ำ
ภาพการ์ตูนนั้นมิได้เกี่ยวข้องโดยตรงแต่ใช้เพื่อให้ช่วยในการจดจำสีของแต่ละคลื่นที่ถูกใช้ในกราฟที่ได้จากโปรแกรม mind monitor
คลื่นสมองระดับ แกมม่า เกี่ยวข้องกับ "การรับรู้ที่เพิ่มขึ้น" หรือ "สภาวะจิตใจสูงสุด" เมื่อมีการประมวลผลข้อมูลของสมองจากส่วนต่างๆหลายๆส่วน ไปพร้อม ๆ กัน
- เกิดขึ้นเมื่อเรากำลังใช้ทุกอย่างของสมองและจิตใจในการผลักดันตนเองในการใช้ชีวิต เช่น ช่วงวินาทีที่สุดยอดนักกีฬาระดับโลกทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสร้างสถิติใหม่, ช่วงวินาทีที่คนเรามีประสบการณ์เฉียดตาย, หรือ บุคลลที่จิตผ่อนคลายดำรงในสมาธิสม่ำเสมอและมีพลังของความรักอันไม่มีเงื่อนไขอยู่ในจิตใจ
- คนทั่วไปต้องมีคลื่นนี้ในการประมวลการทำงาน แต่เฉพาะบางคนเท่านั้นที่จะมีสิทธิเข้าถึงคลื่นแกมม่าได้มากกว่าคนทั่วไป
คลื่นสมองระดับ เบต้า เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวตามปกติ, การคิด, การตัดสินใจ, การจดจ่ออยู่กับงาน
- คนที่มีความเครียดมาก อยู่ในภาวะเร่งรีบบีบคั้น ตื่นเต้นตกใจ อารมณ์ไม่ดี โกรธหรือดีใจมาก ๆ สมองจะมีการทำงานใน ช่วงคลื่นเบต้ามากเกินไป
คลื่นสมองระดับ อัลฟ่า เกี่ยวข้องกับการผ่อนคลายแบบยังอยู่ในภาวะที่รู้สึกตัว สภาวะนี้จะทำให้รับข้อมูลได้ดีที่สุด สามารถเรียนรู้ได้ดี เรียกความจำได้ง่ายและรวดเร็ว มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นสภาวะที่จิตมีประสิทธิภาพสูง
- เป็นคลื่นที่ทำให้เป็นคนจิตใจสงบ เยือกเย็น สุขุม มีอารมณ์ดี เบิกบาน ความคิดสร้างสรรค์สูง สมาธิสูง มีความจำดี และมีพลังความคิดด้านบวกสูง มองโลกในแง่ดี
- มักพบใน ผู้ที่มีจิตสมดุล ผู้ที่นั่งสมาธิเป็นประจำ นักบวช พระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ที่กำลังมีความสุข ผู้ที่กำลังสวดมนต์ด้วยใจที่ศรัทธาตั้งมั่น
คลื่นสมองระดับ ธีต้า ส่วนใหญ่แล้ว จะตรวจพบได้อย่างมากเมื่อเราฝันในขณะหลับ แต่ยังสามารถพบเห็นได้ในระหว่าง: การทำสมาธิระดับลึก, ฝันกลางวัน, เมื่อเราทำงานที่เป็นไปโดยอัตโนมัติโดยที่จิตไม่ต้องใส่ใจ เช่น แปรงฟัน อาบน้ำ.
- คลื่นธีต้ามีความสัมพันธ์กับความจำระยะยาว ความคิดสร้างสรรค์ และจิตใจในสภาพที่ดี เป็นคลื่นที่เราสามารถดึงข้อมูลจากจิตใต้สำนึกได้ (subconscious mind)
ถ้าเรียงคลื่นสมองจากซ้ายไปขวา ตามความถี่ต่ำ(หลับสนิท)ไปความถี่สูง(ตื่นตัวสุดขีด) จะเรียงดังนี้
แต่เดิมการศึกษาวิจัยคลื่นสมอง จะดูแค่ 5 ตัวหลักๆนี้ แต่พอเริ่มมีการศึกษาคลื่นสมองของนักบวช และ โยคี ที่ฝึกสมาธิขั้นสูง ก็มีการค้นพบว่ามีคลื่นสมองมนุษย์ที่มีความถี่สูงมากๆแบบสุดขั้วยิ่งกว่า แกมม่า ขึ้นไปอีก
คลื่นสมองระดับไฮเปอร์แกมม่า และ แลมบ์ด้านี้ เป็นสภาวะที่ถูกพบในขณะทดสอบความสามารถของพระทิเบตบางนิกาย ที่สามารถนั่งสมาธิบนภูเขาหิมาลัยที่มีอุณหภูมิติดลบได้ โดยสวมใส่เครื่องนุ่งห่มเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเอง และยังสามารถทำให้หิมะที่อยู่รอบๆตัวพวกเขาละลายได้ด้วย
และนอกจากนี้แล้วก็ยังมีคลื่นที่ต่ำสุดขั้วยิ่งกว่าเดลต้า ซึ่งก็คือ
สำหรับคลื่นแกมม่า แม้จะสามารถวัดค่าออกมาได้ ในบทความนี้จะยังไม่กล่าวถึงเท่าไหร่เนื่องจากในการฝึกจิตและทำสมาธิเบื้องต้นที่ทดสอบอยู่นี้ แกมม่ามักจะเป็นค่าที่อยู่ต่ำสุดเสมอ ไม่ได้มีผลในเชิงเปรียบเทียบ
คลื่น แอพซีลอน พบในโยคีซึ่งในระหว่างที่อยู่ในสภาวะนี้ เหล่าแพทย์ชาวตะวันตกจะไม่สามารถตรวจพบชีพจร, การเต้นของหัวใจ, และการหายใจ ของโยคีเหล่านี้ได้เลย
ทีนี้จะมาลงรายละเอียดเพิ่มเติมของคลื่นหลักทั้ง 5 ตัว ที่เราจะวัดค่าและวิเคราะห์ผลกัน ไล่จากความถี่สูงไปต่ำ
ในโลกทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ ตกอยู่ในสภาวะที่คิดฟุ้งซ่าน เครียด กังวลมาก สมองมีช่วงคลื่นเบต้าสูงเกินไป สภาวะนี้สมองจะหลั่งฮอร์โมนด้านลบ ออกมามาก นำไปสู่ ปฏิกิริยาเคมีที่ทำร้ายส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเป็นลูกโซ่ต่อไปเรื่อยๆ
ช่วงคลื่นอัลฟ่า ซึ่งเป็นการผ่อนคลาย สภาวะที่จิตสมดุล อยู่ใน สภาวะสบายๆ มีการช้าลงด้วย การใคร่ครวญ ไม่ด่วนตอบสนองต่อสิ่งเร้าด้วยอารมณ์อันรวดเร็ว อัลฟ่ามีความถี่น้อยลงกว่าเบต้า ซึ่งมีผลให้ เราจะคิดช้าลง แต่เป็นจังหวะ เป็นท่วงทำนอง คมชัด ให้เวลาแก่จิตในการไตร่ตรองและมีความคิดเป็นระบบมากขึ้น
อัลฟ่าเป็นคลื่นที่อยู่ตรงกลางระหว่างคลื่นความถี่ต่ำและสูง จะเป็นประตูจากความฟุ้งซ่านความเครียด ไปสู่ การทำสมาธิในระดับลึก เราสามารถฝึกฝนตนเอง บ่มเพาะให้มีคลื่นสมองชนิดนี้เข้มแข็งขึ้น โดยการฝึกสมาธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกฝนจิตให้ตื่นรู้ เช่นเดียวกันกับแนวทางการฝึกฝนปฏิบัติธรรม ในพุทธศาสนา เมื่อเข้าสมาธิขั้นลึก คลื่นธีต้านี้จะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ภายในที่สะท้อนการทำงานของจิตใต้สำนึก และการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ขั้นลึกที่สุด
และหากเป็นสมาธิที่ลงลึกยิ่งขึ้นไปอีก คลื่นเดลต้า จะเกี่ยวข้องกับการบำบัดรักษาโรค, การหายจากความเจ็บปวดทางจิตใจ, การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล (สมาธิ), ประสบการณ์เฉียดตาย และอาการโคม่า
ซึ่งในระหว่างที่อยู่ในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ระดับเดลต้านี้ ปกติแล้วพวกคุณจะ “ไม่รับรู้” ความเป็นไปของโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพเลย
ภาพประกอบจาก simplypsychology.org
โดยปกติแล้ว อุปกรณ์วัดคลื่นสมองมีราคาแพงมากและมีความซับซ้อนในการใช้งานสูง แต่ ณ ปัจจุบันมีเครื่องที่ราคาต่ำ ใช้ไม่ยาก สามารถซื้อหามาลองใช้งานวัดเล่นๆเองได้
ในบทความนี้จะใช้เครื่อง muse S และใช้แอพ Mind Monitor เพื่อบันทึกและแสดง EEG โดยจะเน้นแนะวิธีอ่านกราฟคลื่นสมองแบบเข้าใจง่ายๆ อิงกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในจิต (ส่วนรายละเอียดในส่วนเครื่องมือเหล่านี้ที่ใช้อ่านได้เพิ่มเติมได้ที่ บทความ ประสบการณ์การใช้ muse S วัดคลื่นสมอง)
Muse S
Mind Monitor
อุปกรณ์ที่ใช้นี้ สามารถวัดค่า คลื่นสมอง 5 ตัวหลักดังนี้
ตัวอย่าง EEG ที่ได้ออกมาจากอุปกรณ์นี้จะแสดงผลดังนี้ (ซึ่งโดยปกติถ้าไม่ได้ปรับอะไรเพิ่มเติม จะเป็นค่าเฉลี่ยต่อนาที) กราฟจะแสดงผลออกมา เป็นเส้น 5 สี แต่ละสีเป็นตัวแทนของช่วงคลื่นหลักทั้ง 5 ที่เรากำลังศึกษาอยู่
แกนแนวนอนเป็น เวลา
แนวตั้งเป็น เปอร์เซนต์เดซิเบล
แต่เพื่อความง่ายในที่นี้ จะใช้ภาษาง่ายๆว่า ณ เวลาใดมีค่าเท่าไร
เช่น ณ ตอนเริ่มต้น เวลา 8:45
ค่าเดลต้า มีค่า 92
ค่าอัลฟ่า มีค่า 78
เวลาผ่านไป(จากซ้ายไปขวา) ค่าเดลต้าลดลงเรื่อยๆ จุดสุดท้ายที่เวลา 8:59 ค่า delta เหลือ 56
ตัวอย่างลองวิเคราะห์คลื่นสมองผ่านกราฟที่ได้จาก mind monitor
คลื่นสมองของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ณ ที่นี้ข้าพเจ้าจะใช้คลื่นสมองที่วัดด้วยตนเอง สิ่งที่มาจากประสบการณ์ตรงของตนเองน่าจะทำให้วิเคราะห์บางอย่างได้ง่ายขึ้น
กราฟคลื่นสมองในสภาวะทั่วๆไปอาจจะดูพัวพันกันไปมายุ่งเหยิงตีความไม่ออก แต่ในกรณีที่สมองเริ่มเข้าร่องเข้ารอยอยู่ในรูปแบบบางอย่างเป็นช่วงเวลานานเราจะสามารถสังเกตเห็น "แพทเทิร์น" (pattern-รูปแบบ) ของกราฟ ที่แตกต่างกันไปชัดเจน อย่างเช่น ขณะที่ หลับสนิท หลับฝัน นั่งสมาธิ
อัลฟ่าจะเด่นขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 80 กว่าๆ , อีกสามคลื่นจะไปกองพัวพันกันอยู่แถว 50, แกมม่าลงไปกองอยู่ที่ 30 (ส่วน gamma ในบทความนี้จะอยู่ล่างสุดเสมอจึงจะไม่กล่าวถึงอีก)พอทดสอบบ่อยๆบันทึกข้อมูลไว้เยอะๆเข้า เริ่มสังเกตได้ละเอียดขึ้นไปอีก ว่าความต่างเล็กๆน้อยๆในส่วนคลื่นทั้ง 3 ที่เกาะกลุ่มกันตรงกลาง ใช้บ่งบอกสภาพภายในการทำสมาธิได้ด้วย คือ
เมื่อเริ่มง่วงเล็กน้อย เดลต้า(แดง) จะสูงขึ้นมากว่า อีก 2 ตัว
ป.ล. ค่าเดลต้า
มีความง่วงนิดหน่อยขณะนั่งสมาธิ
ช่วงต้นนั่งสมาธิธรรมดา
ในช่วงท้ายมีความง่วงสุดๆในขณะนั่งสมาธิ
กรณีที่เรานั่งสมาธิหากเรานั่งด้วยการจดจ่ออยู่ที่การจงใจคิดอะไรบางอย่าง (แทนที่จะรู้ลมหายใจหรือร่างกาย) เบต้า (เขียว)ก็จะเด่นขึ้นมากว่าอีก 2 ตัว
นั่งหลับตาคิดจดจ่อเรื่องบทความที่จะเขียน
เมื่อเทียบเฉพาะ 3 คลื่นที่อยู่ตรงกลาง
- ถ้า เธต้า(ม่วง) เด่นสุด คือ จดจ่อรู้รูปธรรม (ลมหายใจ, ร่างกาย) แบบผ่อนคลาย
- ถ้า เบต้า(เขียว) เด่นสุด คือ จดจ่อรู้ความคิด
- ถ้า เดลต้า(แดง) เด่นสุด คือ ง่วง
- ในกรณีนั่งหลับตานิ่ง, เดลต้า สูง บ่งชี้ถึงความง่วงได้
- ในกรณีเคลื่อนไหว, ยิ่งเคลื่อนไหวมากเดลต้าตายิ่งสูง
เฉลย:
จดจ่อรู้แบบคิดบ้างผ่อนคลายบ้างสลับกันไปในช่วงต้น เริ่มง่วงนิดๆช่วงกลาง และค่อยๆง่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับแพทเทิร์นคลื่นสมองนั้น ได้มีฝรั่งที่ศึกษาเรื่องการทำสมาธิได้รวบรวมออกมาไว้ดังนี้
ข้อมูลนี้ เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ Raising Our Vibration: A Guide to Subtle Energy Meditation ที่เขียนร่วมกันของคุณ Kevin Schoeninger และ Stephen Skelton
จะเห็นว่าแพทเทิร์น"การนั่งหลับตาทำสมาธิ" ที่เรารวบรวมและวิเคราะห์นั้นตรงกับ "การหายใจเอาความรักผ่านหัวใจ" ที่ฝรั่งทำไว้
แต่นอกจากนี้เราก็ยังเห็นว่ามีแพทเทิร์นอื่นๆที่เราได้เจอในกรณีต่างๆ ที่ต่างไปจากนี้ ซึ่งก็จะค่อยๆรวบรวมเรียบเรียงในบทความต่อๆไป
สำหรับบทความนี้เป็นการนำพาให้ผู้อ่านเข้าใจในเบื้องต้น ถ้าอ่านหน้านี้รู้เรื่องแล้วก็หวังว่าน่าจะสามารถอ่านบทความอื่นได้รู้เรื่องต่อไป
เรื่องน่าอ่านที่ได้เขียนไว้
วิเคราะห์กราฟคลื่นสมอง
ดูคลื่นในยามหลับและยามนั่งสมาธิเทียบกัน เหมือนว่าคลื่นสมองต่างๆจะมีการแบ่งระดับที่ค่อนข้างคงที่ อยู่กันแบบเป็นชั้นๆ
แล้วพอเอาหลับสนิทมาเทียบกับการเดินจงกรม(ที่ใจว่างๆ)ปรากฏว่าขึ้นมีการเรียงลำดับคลื่นที่เหมือนกันเปี๊ยบแต่กราฟมีการยกระดับชั้นพลังงานขึ้นไปสูงกว่าเดิมทุกคลื่นการที่สมองมีแพทเทิร์นคงตัว ที่แบ่งระดับเป็นขั้นๆ นั้นว่าไปแล้วก็ทำให้นึกถึง ลักษณะแบบจำลองอะตอมตามทฤษฎีของนีลส์โบร ที่เคยเรียนตอน ม.ปลาย ที่ว่า อิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่รอบนิวเคลียสเป็นชั้นๆ ตามระดับพลังงาน และแต่ละชั้นจะมีพลังงานเป็นค่าเฉพาะตัว ...
ภาพจาก thoughtco.com
เจ้าคลื่นสมองในหัวของเราก็ดูเหมือนว่ามีการทำงานที่ให้ผลลัพธ์เป็นชั้นๆเฉพาะตัว ถ้าวิเคราะห์ให้ดีอาจจะสร้างเป็นทฤษฎีคลื่นสมอง ที่ช่วยให้เข้าใจและศึกษาสมองและสภาวะทางจิตได้ดีขึ้นก็เป็นได้
ที่มา
ภาพตัวการ์ตูน towerofsaviors.fandom.com
รายละเอียดของคลื่นสมองแต่ละคลื่น https://www.novabizz.com/NovaAce/Physical/Brainwave.htm
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น