ประสบการณ์การใช้ muse S วัดคลื่นสมอง

ภาพจาก hippopx.com

ข้าพเจ้าในขณะนี้ อยู่ในสถานะที่สมมติทางโลกได้บัญญัติไว้ว่าเป็นพระ ซึ่งกำลังจำพรรษาที่ 6   ... โดย 5 พรรษาก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าอยู่ในวัดป่าที่เคร่งครัดเรื่องการใช้มือถือ มาปีนี้ได้มาอยู่วัดที่ผ่อนปรนเรื่องการใช้มือถือมากขึ้น โดยที่นี่อนุญาตให้ใช้ในที่ส่วนตัวได้ 

และหลังจาก 5 ปีที่แทบไม่ได้ติดตามข่าวคราวจากโลกภายนอก ในปีนี้นี่เองที่ข้าพเจ้าได้รับรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีอุปกรณ์วัดคลื่นสมองแบบพกพาใช้ประโยชน์ทั้งในการช่วยในด้านการทำสมาธิและด้านทำการทดสอบวิจัยในเรื่องเกี่ยวกับคลื่นสมอง ใช้ไม่ยากในราคาที่คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้ เมื่อข้าพเจ้ารู้ว่ามีสิ่งนี้ ใจลึกๆมันก็รู้สึกเรียกร้องอยากหามาใช้ทดสอบอะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการภายในของตนเอง

Wearable EEG devices ภาพจาก research gate

สินค้าในตลาดมีหลายยี่ห้อหลายรุ่น  หาข้อมูลดูก็เห็นว่ายี่ห้อที่คนใช้กันเยอะทั้งในต่างประเทศและในไทย คือ muse จึงได้ตกลงปลงใจเลือกยี่ห้อนี้ รุ่น muse s ซึ่งดูน่าจะใส่สบายที่สุด ราคาขายหน้าเว็บอยู่ที่ 350$ ยังไม่รวมค่าเคส ค่าขนส่ง แล้วยังมีค่าภาษีนำเข้าประเทศไทยอีกประมาณ 5,000 บาท สรุปราคารวมค่าขนส่งค่าภาษีและค่านำเข้าของมือหนึ่งประมาณ 17,000 บาท 

ภาพจาก choosemuse.com

ด้วยความที่ข้าพเจ้าไม่อยากรบกวนให้โยมอุปฐากต้องยุ่งยากและใช้เวลามากกับการจัดการสั่งซื้อผ่านต่างประเทศ จึงเลือกที่จะลดภาระและเวลาและราคาด้วยการให้ซื้อมือสองของคนไทยมาใช้ ในราคา 13,000 บาท รวมเคส


แต่เมื่อเอามาใช้ได้สักพัก เครื่องเริ่มรวนมีปัญหาเซ็นเซอร์บางตัวใช้งานไม่ได้ จึงได้ติดต่อไปทางบริษัท muse โดยตรง ซึ่งทางบริษัทก็ยินดีเปลี่ยนส่วนที่เป็นสายเซ็นเซอร์อันใหม่มาให้ฟรี ซึ่งก็ทำให้เราประทับใจในการบริการของ muse ณ จุดนี้ ..  แต่ทว่าจากที่พยายามเลี่ยงความยุ่งยาก สุดท้ายก็ต้องมีความยุ่งยากอยู่ดี ในการรับของจากต่างประเทศและเสียภาษีนำเข้า โดยชิ้นส่วนที่เขาส่งมาให้ใหม่ถึงแม้สินค้าจะฟรี แต่กว่าจะมาถึงมือก็มีค่าภาษีและขนส่งที่ต้องเสียเพิ่มอีกรวมเกือบ 4,000 บาท

ทางเดินจงกรมข้างกุฏิ

ณ ตอนนี้ข้าพเจ้าอยู่ในวัดป่า กุฏิอยู่ในป่าที่เชื่อมกับป่าร้อนชื้นแท้ๆอันกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีสัตว์ป่าใหญ่อาศัยอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นช้างป่า ลิงป่า งูเหลือม และอื่นๆ ที่แวะมาให้เห็นเป็นประจำในบริเวณวัดและรอบๆกุฏิ กุฏิที่ข้าพเจ้าอยู่ไม่มีไฟฟ้าใช้ อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างต้องเอาไปชาร์จที่ศาลาส่วนกลางซึ่งใช้เวลาเดินจากกุฏิไป 6 นาที

ในตอนนี้ข้าพเจ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีมือถือandroid ธรรมดาๆ ราคา 4,000 บาท แต่ทั้งหมดนี้ก็เพียงพอที่จะใช้ในการทำการทดสอบสิ่งต่างๆเกี่ยวกับคลื่นสมอง และ บันทึกผล และ ทำเว็บไซต์แห่งนี้เพื่อใช้ในการเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งก็ขอขอบใจโยมอุปฐากที่ช่วยจัดหาสิ่งเหล่านี้มาให้

app ของ Muse เองนั้น มีทั้งในส่วน วัดค่าคลื่นสมอง ค่าอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าความเคลื่อนไหวของร่างกาย   ... สำหรับผมซึ่งสนใจศึกษาด้านคลื่นสมองเป็นพิเศษก็จะเน้นแต่ในส่วนคลื่นสมอง

ก่อนการใช้งานจะมีการ calibrate ประมาณ 1 นาทีก่อนใช้

ขณะใช้จะมีการประเมินค่าคลื่นสมอง ณ ขณะนั้นว่าสงบหรือฟุ้ง  ถ้าสงบมากจะมีเสียงนกร้องดังจิ๊บๆ ถ้าฟุ้งมากจะมีเสียงฝนตกดังซ่า ซึ่งเป็นวิธีที่ muse ใช้ในกระบวนการฝึกสมองให้จดจำสภาวะที่เป็นความสงบ
และเมื่อนั่งสมาธิเสร็จสิ้นแต่ละครั้งแล้วก็จะมีการตีค่าเป็นคะแนนออกมาให้


สำหรับวิธีคิดคะแนนของ muse ผมได้เขียนรายละเอียดไว้แล้วที่นี่


เนื่องจากแอปของ muse เอง แสดงผลกราฟและคะแนนที่ได้ออกมาในแบบของเค้าเอง  -โดยใช้ค่าแบบเชิงเปรียบเทียบกับค่าของผู้ใช้เองในยาม calibrate - แต่ผมต้องการวัดค่าสัมบูรณ์ก็คือคลื่น EEG ที่บอกค่าต่างๆอย่างตรงไปตรงมาเช่น alpha beta gamma ใช้เปรียบเทียบระหว่างบุคคลได้และใช้กันเป็นมาตรฐานในงานวิจัยด้านคลื่นสมอง (ความรู้เบื้องต้นคลื่นสมอง) - แต่ app ของ muse ไม่ได้มีในส่วนนี้ดังนั้นจึงต้องซื้อ app เพิ่มต่างหากอีกอันหนึ่งซึ่งใช้ในการแสดงผลและบันทึกค่าเหล่านี้ ก็คือ Mind Monitor ในราคา 500 บาท ช่วยทำให้บันทึกข้อมูลและแสดงกราฟทำได้โดยง่าย แต่ขณะใช้ก็ไม่สามารถใช้ไปพร้อมกันกับ app ของ muse ได้ 



ประสบการณ์ตรงจากการใช้งาน

ตัวผมเองมีปัญหาในการทำสมาธิแบบหลับตานั่งนิ่งมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนใหญ่ไม่เกิน 15 นาทีก็จะหลับไป พยายามแก้แต่แก้ไม่ตก เมื่อก่อนทำสมถะต้องอาศัยเดินเป็นหลัก หรือนั่งเคลื่อนไหวมือ

จนได้ muse มา ซึ่งกับคนอื่นจะใช้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่ผมได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก การมีเสียงนกและเสียงฝนเป็น Real time feedback ระหว่างนั่ง ทำให้เราสามารถนั่งสมาธิแบบนั่งนิ่งได้นานขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่หลับไปก่อน มีพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดในเวลาอันสั้น 

 และนอกจากนี้ตัวผมเองก็ชอบที่จะเรียนรู้ทดสอบกระบวนการทำงานต่างๆด้วยประสบการณ์จริงในกายในใจ ที่เครื่องสามารถวัดค่าออกมาได้

แล้วก็มีความเห็นว่าน่า การเอาวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบกระบวนการทางจิตอาจจะเป็นเครื่องมือ ที่สามารถน้อมนำคนหมู่มากให้หันมาเห็นความสำคัญของการพัฒนาจิตยิ่งๆขึ้นไปในอนาคต จึงได้นำไปทดลองต่างๆนานาดังที่ได้เอามาลงไว้ในเว็บแห่งนี้ ซึ่งก็เป็นส่วนที่เรามีฉันทะและสนุกที่จะทำและเผยแพร่ข้อมูล

นอกจากนี้ก็ทำให้ได้รู้จักกับมิตรสหายอีกหลายท่านที่ใช้ muse ในประเทศไทยผ่านทาง facebook กลุ่มชื่อ Muse Headband Thailand ซึ่งก็ทำให้ได้รับข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์อีกมากมายและได้ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์อันหลากหลายทั้งด้านสมาธิและด้านอื่นๆ


โดยทั่วไปนั้น muse S ก็สามารถใช้วัดค่าได้โดยง่ายและสะดวก แต่ถ้าหากให้นึกถึงข้อเสีย ก็คงจะเรื่องการวัดค่าขณะขยับปากเช่นสวดมนต์หรือเคลื่อนไหวเยอะๆ ก็จะมีปัญหาในการวัดค่าไม่ได้อยู่บ้าง 

การทำสมาธินั้นในคนส่วนใหญ่อาจไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆเพิ่ม เช่นเดียวกับคนที่ฝึกว่ายน้ำบางคนไม่จำเป็นต้องใช้ห่วงยางหรือโฟม ก็สามารถหัดเองจนเป็นได้ แต่สำหรับบางคนการมีตัวช่วยก็มีส่วนสนับสนุนเป็นอย่างมากในการฝึกจนมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นมาได้

ณ ตอนนี้เริ่มมีอุปกรณ์วัดคลื่นสมองแบบพกพายี่ห้อต่างๆเอามาสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็มีความสามารถใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ รวมทั้งมีข่าวว่าจะมีแบรนด์ที่เป็นของคนไทยเองลงทำตลาดอีกไม่นานนี้ด้วย ก็ติดตามรอดูกันต่อไป

ก่อนที่จะจบบทความนี้ ที่ใช้ในการแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราว ก็จะมาเข้าสู่ประเด็นว่ามันมีจุดเริ่มต้นมาจากเราอยากทดลองวัดค่าคลื่นสมองในขณะที่คิดแบบจริงจัง จึงคิดหัวข้อที่จะเขียนขึ้นมาแล้วนั่งหลับตาคิดแต่ประเด็นที่จะเขียนตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ในหัวแล้ววัดค่าออกมา

จึงทำการทดลอง ก่อนที่จะเริ่มเขียนบทความนี้ ก็นั่งหลับตาคิดอย่างจริงจัง ตั้งใจว่าจะอยู่แต่กับความคิดเรื่องบทความที่กำลังจะเขียนอันนี้ จะเน้นที่คิดโดยไม่ต้องภาวนา แต่พอลงมือทำจริง ในขณะที่กำลังคิด ใจมันก็ไปภาวนาเองโดยอัตโนมัติไปด้วยพร้อมกัน มันรู้สึกกายเองซึ่งอาจจะเนื่องด้วยความเคยชินที่มาจากการฝึกนั่งสมาธิและฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวัน    ระหว่างคิดก็รู้สึกถึงกายเด่นตรงความรู้สึกของเส้นเลือดที่กำลังตุบๆในสมองและกระแสพลังงานที่วิ่งมารวมที่หัว แต่ในส่วนที่เราเจตนาจงใจจะทำคือการคิด เราก็ยังคงนั่งคิดเรียบเรียงเนื้อหาที่จะเขียนต่อไปเรื่อยๆจนครบ 10 นาที มีผลลัพธ์ที่วัดค่าออกมาดังนี้ 

หากเทียบกับ กราฟผลลัพธ์จากการนั่งสมาธิ ทั้งหลายที่เราเคยได้บันทึกมา   -ซึ่งจะมีค่า alpha(สีฟ้า)สูงเด่น ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสงบ- กราฟอันนี้แสดงผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับการนั่งสมาธิตามปกติ -จะมีส่วนต่างที่เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆคือ 
  •  ตรง 3 เส้นที่พัวพันกันอยู่ตรงกลาง ในการนั่งสมาธิทั่วไปจะมี Delta(สีแดง) และ Theta(สีม่วง) สูงกว่า beta เป็นส่วนใหญ่ 
  • แต่อันนี้ beta(สีเขียว) จะสูงกว่าอีก 2 ตัว ตั้งแต่ต้นจนจบ
ซึ่งจะว่าไปก็ตรงกันทฤษฎีที่ว่าค่า beta เป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาวะที่กำลังคิด

และเมื่อคิดเสร็จ ในขณะที่เรามาลงมือทำการเขียนบล็อกอันนี้ก็ได้ทำการบันทึกค่าสมองไว้เช่นกัน ผลออกมาดังนี้
ถ้าเทียบกับตอนนั่งหลับตาตั้งใจคิดแล้ว ตอนลงมือทำการใช้มือถือเขียนสิ่งที่คิดมาเป็นบทความลงในเว็บ นั้นดูเหมือนว่ามีการแกว่งของค่าทุกตัวเยอะมาก  - แต่ alpha ก็แกว่งอยู่ในค่าระดับที่ไม่ต่างจากเดิมมาก  -  ส่วนคลื่นอีก 4 ตัวที่เหลือขยับตัวขึ้นมาสูงขึ้น แกว่งไล่ระดับเทียบชั้นกับ Alpha


- จบไปอีกหนึ่งการทดลอง -

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สนุกกับการวิเคราะห์คลื่นสมอง

การคิดคะแนนของ Muse

ว่าด้วยเรื่องการเดินจงกรม

บันทึกประจำวันคลื่นสมองด้วย muse ผ่านแอพ mind monitor