การคิดคะแนนของ Muse

ถ้าหากเรารู้กระบวนการคิดคะแนน ของ Muse แล้ว ถึงแม้เราจะไม่ได้มีความสามารถในทางสมาธิสักเท่าไร แต่เราก็จะสามารถซิกแซกทำคะแนนได้สูงมากหรือ ต่ำมาก ได้ตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้


ผู้ใช้แอพ Muse คงคุ้นเคยกันดีว่าในการเริ่ม Mind Meditation แต่ละครั้ง muse จะให้มีการ Calibrate ก่อนเริ่มทำ Meditation ด้วยการให้ปิดตาและปล่อยใจตามสบายสักพักก่อนเริ่ม


มันช่วยให้คาดเดาได้ว่า การคิดคะแนนของ Muse นั้น น่าจะไม่ใช่เป็นการคิดคะแนนเชิงสัมบูรณ์ แต่เป็นการคิดคะแนนเชิงเปรียบเทียบ พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ ไม่ได้เอาตัวเลขที่เครื่องได้จากการวัดค่าคลื่นสมองมาใช้ตรงๆ แต่เอาค่าคลื่นสมองที่วัดได้ตอนเราทำ Mind Meditation มาเปรียบเทียบกับค่าที่วัดได้ตอนทำ Calibrate อีกที

เพื่ออะไร? คาดว่าคลื่นสมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทาง Muse จึงเลือกที่จะใช้การให้คะแนนแบบเปรียบเทียบแบบจำเพาะเจาะจงของแต่ละคน ดังนั้น แอพจึงไม่แสดงค่าตัวเลขผลต่างๆ เช่น Alpha, Beta, Gamma ออกมาโดยตรง แต่จะนำไปคำนวณเชิงเปรียบเทียบแล้วแสดงผลออกมาเป็นค่าความสงบในแบบที่ Muse ออกแบบไว้ 

ซึ่งMuseก็ได้แบ่งกลุ่มค่าความสงบเป็น 3 ขั้นคือ  Active(ฟุ้ง), Neutral(กลางๆ), Calm(สงบ) และเอาจำนวนวินาทีของแต่ละอันที่ได้ไปคำนวณแต้ม 

  • Muse Points  =  3(Calm)+Neutral
  • จะมี bird ให้ 1 แต้ม
    หากสงบประมาณ 5 วินาที โดยเราจะได้ยินเสียงนกร้องจิ๊บๆ
  • จะมี recoveries ให้ 1 แต้ม
    เมื่อเราหลุดจาก Active ลงมายัง Neutral ซึ่ง Muse ถือว่านี่คือการที่เราสังเกตุเห็นความฟุ้งของตัวเอง และถือว่าเป็นการฝึกการจดจ่อ

แล้ว Muse คิดคะแนนยังไง?

ผมได้ตั้งสมมติฐานกระบวนการในการคิดกราฟคะแนนความสงบของ Muse ว่า นำค่าต่างๆที่ได้จากคลื่นสมอง ได้แก่ Gamma, Beta, Alpha, Theta, Delta มาใช้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน ความรู้เบื้องต้นคลื่นสมอง) ซึ่งตัวผมไม่รู้หรอกว่าการได้มาของค่าความสงบ เอาค่าตัวไหนมาใช้คำนวณบ้าง และทำการคำนวณด้วยสมการยังไง แต่ก็แน่ใจว่าต้องใช้ค่า Alpha ด้วยแน่ๆ และใช้เป็นตัวหลัก เพราะเป็นคลื่นที่แสดงออกมาเมื่อร่างกายสงบ ผ่อนคลาย และจะมีมากในผู้ที่ทำสมาธิเป็นประจำ


จากการทดสอบครั้งก่อนทำให้เรารู้แน่ๆว่า การลืมตา หลับตา มีผลต่อคลื่นสมอง ดังนั้นเราจะใช้การลืมตาและหลับตาในการทดสอบสมมติฐาน ดังนี้


ในการ Calibrate และในการทำ Meditation 

เราจะมีการกดค่า Alpha ให้ต่ำสุดด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการลืมตา (open) และ มีการเพิ่มค่าให้มากที่สุดด้วยการปิดตา (close) 


ดังนั้นเราจะทำการทดสอบ เปิด/ปิด ตา ในระหว่าง Calibrate และ Meditate ให้ครบทั้ง 4 รูปแบบดังนี้


  • ในแต่ละ Calibrate เราจะนั่งปล่อยใจสบายๆไม่เพ่งอะไร(ตามที่ Muse แนะนำ)
  • ในแต่ละ Meditate เราจะนั่งเพ่งดูลมหายใจ 5 นาที

และเพื่อให้มั่นใจว่าผลไม่ได้มาแบบสุ่ม จึงทำการทดลองซ้ำ 4 รอบ
รวมแล้วเป็น 16 ครั้ง

ได้ผลลัพธ์ดังนี้



วิเคราะห์ผล

1. กรณี ปิดตาขณะ Calibrate และ ปิดตาขณะ Meditate

%calm เฉลี่ยอยู่ที่ 34.5
กรณีนี้คือกรณีดั้งเดิมที่ Muse คาดว่าผู้ใช้ที่ว่านอนสอนง่ายจะทำตาม ผลลัพธ์ของผมก็ขึ้นๆลงๆโดย %Calm  อยู่ที่ 27 ไปจนถึง 57 ตามประสาผู้ยังไม่เชี่ยวชาญด้านการทำสมาธิ


2. กรณี ปิดตาขณะ Calibrate และ เปิดตาขณะ Meditate


%calm เฉลี่ยอยู่ที่ 2.25
กรณีนี้จะทำคะแนนได้ต่ำมาก ต่ำได้ถึง 1%
กราฟจะแสดงผลออกมาว่าค่าความสงบค่อนไปทาง Active มาก 

มี recoveries เยอะ แต่ไม่มี bird เลย ตอนทำก็นั่งฟังเสียงฟ้าฝนอันรุนแรงฮึ่มๆไปตลอด


3. กรณี เปิดตาขณะ Calibrate และ ปิดตาขณะ Meditate




%calm เฉลี่ยอยู่ที่ 98.75
กรณีนี้จะทำคะแนนได้สูงมาก ถึง 99% เกือบทุกครั้ง
กราฟจะแสดงผลออกมาดูงดงามด้วยความที่ค่าความสงบตกไปสู่ช่วง calm เกือบทั้งหมด

ไม่มี recoveries เลย แต่มี bird เยอะมาก ทำไปฟังเสียงนกร้องจิ๊บๆไปตลอด


4. กรณี เปิดตาขณะ Calibrate และ เปิดตาขณะ Meditate

%calm เฉลี่ยอยู่ที่ 71
กรณีนี้ ผลลัพธ์ของผมก็ขึ้นๆลงๆโดย %Calm  อยู่ที่ 47 ไปจนถึง 75 ดูมีแนวโน้นคะแนนดีกว่ากรณีแรกที่ปิดตาทั้งหมด


สรุปผล ที่สามารถนำไปใช้ได้เชิงปฏิบัติ

  1. คะแนน muse มาจากการเปรียบเทียบผลจากคลื่นสมองของเราเองว่าขณะ Meditate ทำได้ดีกว่าตอน Calibrate แค่ไหน
  2. ผลคะแนน muse ของแต่ละบุคคลไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้
  3. หากอยากลองเล่นแบบง่ายได้คะแนนเยอะ ก็ให้ ลืมตาขณะ Calibrate และ หลับตาขณะ Meditate
  4. หากอยากเล่นแบบยากคะแนนโหด ก็ให้ทำตรงกันข้าม


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์การใช้ muse S วัดคลื่นสมอง

สนุกกับการวิเคราะห์คลื่นสมอง

ว่าด้วยเรื่องการเดินจงกรม

บันทึกประจำวันคลื่นสมองด้วย muse ผ่านแอพ mind monitor