บันทึกประจำวันคลื่นสมอง หน้า3

 1ตค2564

วันนี้จะตื่นนอนเรื่อยมาจนฉันเสร็จมีอาการขมุกขมัวอยู่ในอก พอนั่งสมาธิวันนี้ดูมีเบต้ามากกว่าปกติ



ลองดูอีกที ใจมีฟุ้งมีหนีมีง่วง กราฟเริ่มเข้าสู่แพทเทิร์นนั่งสมาธิแต่ก็ดูเหมือนมี grammar สูงกว่าปกติ


เคลื่อนไหวมือตามลมหายใจ 2 ท่า ท่าละ 5 นาที ช่วง 5 นาทีท้ายพิจารณาอายตนะภายในไม่เที่ยงอายตนะภายนอกไม่เที่ยงวิญญาณไม่เที่ยง วันนี้มีค่าแกมมาสูงกว่าปกติจริงๆ


ในเบื้องต้นดูลมปลายจมูก สงบและตื่นตัวดี ช่วงท้ายพิจารณาความไม่เที่ยงของอายตนะภายในนอกวิญญาณ


นั่งสมาธิ 1 ชั่วโมงเริ่มจากดูลมหายใจไปจนปวดไล่ดูอาการปวด



2ตค2564
เก็บกวาดทำความสะอาดกุฏิ



เดินจงกรมรู้สึกเผลอยาว รู้น้อยหน่อยช่วงหลังเริ่มมีง่วงหน่อยนึง


ง่วงตั้งแต่ก่อนนั่ง นั่งแบบง่วงๆเผลอๆเหม่อๆแปดนาที


3ตค2564
จากที่ได้ลองใช้เครื่องวัดคลื่นสมองมาเป็นเวลากว่า 2 เดือนดูผลและเก็บค่าสถิติมาวิเคราะห์ อยู่เรื่อยๆ จะเริ่มคุ้นชินว่าเวลาเรามีประสบการณ์ภายในแบบไหนจะได้แพทเทิร์นกราฟคลื่นสมองที่รูปร่างเป็นแบบใด

วันนี้ตอนตื่นนอนเช้ามืด เอาเครื่องวัดคลื่นสมองมาวัดระหว่างการนั่งสมาธิ ตั้งใจดูลมหายใจไปตามปกติ

 รู้สึกว่าการนั่งครั้งนี้เผลอไผลหลงไปอยู่ในความคิดยาวนาน  แต่ละครั้งกว่าจะมีสติระลึกรู้ตัวขึ้นมาว่าหลงไปคิดจนลืมดูลมหายใจนานมาก พอกลับมาดูลมหายใจต่อได้แค่สองสามลมหายใจก็หลงไปใหม่ อีกพักใหญ่ๆกว่าจะระลึกรู้ได้อีก วนไปมาอยู่อย่างนี้ตลอด 38 นาที  

 พอเลิกนั่งก็คาดเดาว่ากราฟคงเป็นแพทเทิร์นการนั่งสมาธิที่มีค่า deltaแดง  และ thetaม่วง สูง เพราะหลงไปเยอะ แต่พอดูกราฟปรากฏว่าผลเป็นแพทเทิร์นนั่งสมาธิปกติธรรมดาเลย 

ถ้าเป็นความคิดที่อยู่ในระดับที่ไม่ทำให้ถึงกับง่วง ไม่ได้มีความพอใจหรือไม่พอใจในระดับที่สังเกตเห็นได้มากับความคิดเหล่านั้น ตราบเท่าที่ยังพอจะรู้ลมหายใจได้บ้างเป็นระยะแม้ว่าจะหลงนานรู้น้อย รู้นิดๆหน่อยๆ ซึ่งถ้าหากไม่มีการวัดคลื่นสมองเราก็คงคิดเอาเองว่านั่งสมาธิไม่ได้เรื่อง แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาปรากฏว่าสมองก็ยังคงแสดงผลคลื่นออกมาว่าแทบไม่ต่างกันเลยกับตอนที่กำลังทำงานอยู่ในโหมดสมาธิที่โฟกัสอยู่กับลมหายใจได้นานๆ 

เดาว่าเมื่อสมองทำงานในโหมดนี้ ซึ่งจะมีผลในการพัฒนาศักยภาพทางจิตและมีผลพลอยได้ที่ก็ดีต่อสุขภาพทางกาย ... ตราบเท่าที่ยังตั้งใจทำสมาธิต่อไป(แบบไม่ง่วงและไม่เครียด)ไม่ว่าเราจะรู้สึกว่าสงบหรือฟุ้ง สมองก็ยังคงอยู่ในโหมดนี้

นึกถึงคำของครูบาอาจารย์ที่มักบอกว่าในการปฏิบัติ ให้ทำประจำสม่ำเสมอ ขยันก็ทำขี้เกียจก็ให้ทำ ไม่ว่าทำแล้วจะสงบหรือฟุ้งซ่าน เมื่อถึงเวลาทำก็ให้ทำต่อไป 

 ยิ่งทำตอนขี้เกียจทำ หรือทำไปแล้วฟุ้งซ่านมากแต่ก็ยังคงทำต่อไปด้วยใจที่สบายๆสังเกตการณ์ความคิดแต่ไม่จมไม่เครียดไปกับความฟุ้งความคิด นั่นกลับยิ่งทำให้พัฒนาการได้ไวขึ้น

จึงขอเอามาบอกแด่ทุกคน ไม่ว่าจะมีเครื่องวัดคลื่นสมองหรือหรือไม่ก็ตาม 




เดินจงกรม 1 ชั่วโมง ส่วนใหญ่หลงไปแต่ก็ลุกขึ้นมาได้เป็นระยะแล้วก็หลงใหม่


นั่งสมาธิดูลมหายใจ 1 ชั่วโมง นั่งไปสักพักมีปิติเด่นที่กลางหัวและก็รู้สึกถึงปิติอ่อนๆที่ขยายไปทั่วร่างกาย แล้วก็รู้ทั่วร่างกายเฉยๆแบบไม่มีปิติ 
นั่งไปไม่ขยับเลยจนเริ่มรู้สึกปวดขา (ณ ตำแหน่งเวลาที่ผงกหัว จุดที่deltaลงมาต่ำสุด) ก็นั่งทนต่อไปจนครบชั่วโมง ระหว่างปวดบางช่วงเหมือนมีพลังงานจากทั้งตัววิ่งมารวมกันที่ศูนย์หัว ขณะปวดขาก็ดูกายไปทั่วทั้งตัวทั้งส่วนที่ปวดและไม่ปวด พยายามดูใจที่ดิ้นรนอยากหลีกหนีความปวด พอใจที่ดิ้นรนจางคลายก็เหลือแต่ปวดกายแต่ไม่ปวดใจ แต่สักพักเดี๋ยวใจก็ดิ้นใหม่แล้วก็จางคลายอีก สลับไปสลับมา

ในขณะปฏิบัตินั้น เรารู้สึกถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างรู้ลมหายใจเฉยๆโดยไม่มีปิติ กับ มีปิติแผ่ซ่านไปทั่วตัว / ตอนที่ขาไม่ปวด กับ ตอนที่ปวดขามากและใจดิ้นรนผลักไสความรู้สึกปวด  กับ ตอนที่ปวดขาแต่ใจยอมรับและสังเกตการณ์อาการปวดอยู่เฉยๆ

แต่ผลลัพธ์ที่ได้กราฟก็ดูเหมือนว่าสมองทำงานอยู่ในโหมดเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ โดยค่าเบต้าค่อยๆไต่ระดับลดลงอย่างช้าๆลงมาแค่นิดหน่อย

จากข้อมูลที่สังเกตคลื่นสมองตัวเองมา ... สมมติฐาน ณ ขณะนี้คือ สมองจะแบ่งการทำงานเป็นโหมดต่างๆเช่น โหมดนอนฝัน, โหมดหลับลึก, โหมดนั่งสมาธิดูลมหายใจ,โหมดอ่านหนังสือ, โหมดเดิน ฯลฯ แต่กระบวนการในชั้นเวทนา(feeling) เช่น ปิติ,ความสุข,ความเจ็บปวด,ความเฉยทางกาย จะไม่ถูกแสดงออกมาให้เห็นชัดเจนทางคลื่นสมอง(เท่าที่พอจะสังเกตเห็นด้วยตาได้ชัดเจนแบบโหมดต่างๆ) แต่คาดเดาว่า เวทนาที่ต่างกันแต่ละอันนั้น น่าจะไปก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ปฏิกิริยาเคมีและพลังงานในร่างกาย 

ส่วนกระบวนการทางจิต เช่นจิตหลง, จิตรู้, ความอยากได้, ความอยากผลักใสออก, ความเฉยทางใจ, ความฟุ้ง ก็ไม่ถูกแสดงออกมาให้เห็นชัดเจนทางคลื่นสมอง เช่นกัน




4ตค2564
เดินจงกรม 1 ชั่วโมงหลงไปซะเยอะ

ง่วงตั้งแต่ก่อนนั่ง ลองนั่งไล่ดูกระดูกดูว่าจะช่วยไหม ตอนแรกกระดูกมาก็ยังตื่นนิดหน่อยอยู่ แต่พอเผลอหยุดดูไหลไปง่วงทันที ง่วงกราฟเอียงซ้ายเป็นพิเศษ แกมมาดูสูงกว่าปกติ

ยืนชมนกชมไม้ 5 นาที แต่มีเผลอทำใจเป็นสมาธิช่วงหนึ่ง ถึงจุดที่ผงกหัว แล้วลองโยนหินพร้อมกันสองก้อนสองข้างสลับมือ อยู่อีก 5 นาที



หลังออกกำลังและ อาบน้ำเสร็จมานั่งสมาธิ จะมีค่าแกมม่าสูงกว่านั่งสมาธิปกติ


นั่งสมาธิก่อนนอนเหมือนจะง่วงแต่ตอนนั่งก็หลงไปอยู่กับความคิดมากกว่าง่วงวันนี้ขณะนั่งค่าแกมมาสูงกว่าปกติ

5ตค2564
นั่งสมาธิตอนเช้ามืดบางครั้งรู้สึกอึดอัดขัดข้องมีบางช่วงยกมือหายใจเข้าจังหวะช้าๆลึกๆ



เดินจงกรม ง่วงครั้งนี้ง่วงแบบปวดหัวมึนหัว

นั่งสมาธิ 20 นาที ฟุ้งเยอะฟุ้งแรงฟุ้งมาก อยู่กับลมหายใจจะได้แป๊บๆก็หนีไปบางครั้งฟุ้งเยอะจนเผลอขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตัวโดยไม่ได้เจตนา  ช่วง 10 นาทีหลังทั้งหาวเยอะทั้งเผลอเคลื่อนไหวเยอะเป็นช่วงที่ delta และthetaสูงขึ้น แต่ที่แปลกคือความแปรปรวนของเดลต้าและแอลฟา ใน graph all data point เหมือนจะน้อยกว่าปกติ



นั่งสมาธิช่วงแรกอยู่กับลมหายใจพอได้อยู่ตั้งใจว่าถ้าเผลอแล้วรู้ขึ้นมาให้ผงกหัว พอช่วงครึ่งหลังหลังจากผงกหัวครั้งที่ 2 ก็เริ่มง่วงมากไหลไปนี้ความคิดเยอะหาวหวอดๆ

6กย2564
นั่งสมาธิ 51 นาที ตั้งใจนั่งดูลมแต่นั่งไปตรงไหนเด่นก็ไปจับตรงนั้นนั่งไปนั่งมาก็เผลอไผลไปในความคิดซะเยอะ



เพื่อความตื่นตัวจึงไล่ดูกระดูกขึ้นลงแล้วก็ micro cosmic orbit ได้ผลเป็นความตื่นตัวดี บางทีตื่นแบบเงียบสงบ beta สูงอาจเกิดจากถูกขับเคลื่อนด้วยความตั้งใจคิดปรุงแต่งเยอะแต่ก็ได้ผลดีอยู่ แต่ตอนท้ายก็หาว


7ตค2564
จงกรม 1 ชั่วโมงรู้สึกเหมือนหลงไปคิดเยอะมากแต่ในขณะเดียวกันก็เพลินสบายๆมีความสุขกับลมหายใจไปด้วยเหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

นั่งสมาธิ ช่วงหลังเหมือนจะง่วงแต่โดยรวมเวลาผ่านไปเร็วมาก


นั่งสมาธิหลังจากตอนจับนกมีรู้สึกถึงพลังงานในการคลังสมองเด่น มานั่งตอบก็ยังพอรู้สึกได้เป็นระยะ


body scan ตามแนวกระดูกสันหลังจากหัวไปก้นกบ แล้วผงกหัว เปลี่ยนมาดูลมดูความเงียบและความว่างรอบๆตัว มีช่วงนึงจงใจขยายขอบเขตความว่างจะทำไปแป๊บนึงกลัยเป็นไหลในความคิดก็กลับมาอยู่กับความว่างรอบๆตัวธรรมดาไหม่



8กย2564
วันนี้หลังอาบน้ำเสร็จรู้สึกตื่นตัวเป็นพิเศษมานั่งสมาธิใช้ muse app จับนก ครั้งนี้ได้นกเยอะเป็นพิเศษ 84% calm (ปกติได้ไม่ค่อยเกิน 70) ระหว่างนั่งนั้นตื่นตัวรู้สึกพลังงานในร่างกายเหมือนจะเยอะเป็นพิเศษและตั้งมั่นและสงบมากเป็นพิเศษ ดูลมหายใจปุ๊บ ไม่กี่ลมหายใจก็เกิดปิติทันที กระแสพลังงานปิติส่วนที่เด่นรุนแรงที่สุดอยู่ที่แกนกลางสมอง 

เสร็จแล้วเลยมานั่งลองวัดคลื่นสมองต่อทันทีด้วย mind monitor  ซึ่งก็ยังคงปิติและความสงบตั้งมั่นไว้ได้ ปรากฏว่าผลกราฟเปลี่ยนไปจากแพทเทิร์นนั่งสมาธิที่เคยมีมาตลอดช่วงสองเดือนที่วัดค่ามา 

 ค่าgamma สีส้ม(การทำงานประสานกันของสมองทั้งระบบ)โดดขึ้นมาที่ 60 (ปกติ30)

ส่วน alpha สีฟ้า(สมาธิ+ผ่อนคลาย) ก็พุ่งทะลุไปได้ถึง 120 (ปกติ80)

มีเครื่องวัดคลื่นสมองก็ดีอย่างนี้ เวลารู้สึกถึงพัฒนาการอันเป็นนามธรรมที่เกิดขึ้นภายใน มันสามารถ แสดงค่า พลอต กราฟ แสดงผลออกมาให้เห็นได้เป็นรูปธรรม ช่วยเป็นแรงกระตุ้นเพิ่มเติมให้มีฉันทะในการทำและพัฒนาสภาวะภายในยิ่งๆขึ้นไป




นั่งอีกทีก่อนนอน เริ่มง่วงหาวกราฟเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ



9ตค2564

ปวดหัวแต่ก็นั่งสมาธิ

ก็ใจไม่ตั้งมั่นเท่าเมื่อวานนี้ แต่ก็มีช่วงรู้สึกถึงพลังงานในหัวอีกแล้วแต่พลังงานให้กับความปวดก็ดูเหมือนจะแยกกันเป็นคนละ layer ไม่ได้เกี่ยวข้องกันปวดก็ส่วนปวดพลังงานก็ส่วนพลังงาน



ปวดหัวแต่ก็นั่งสมาธิ ไหลไปอยู่ในความคิดเยอะ นั่งจนหาวหวอดๆจึงหยุดแค่นี้ก่อน


วันนี้คุยกับครูบายงเรื่องประสบการณ์การภาวนาที่ได้เกี่ยวข้องกับครูบาอาจารย์ที่ได้พบมา

นั่งสมาธิใจจึงนึกไปถึงเรื่องเหล่านั้นเป็นพิเศษ กราฟกลับมาเป็นรูปแบบตามปกติที่เกิดบ่อยของตนเอง
เอาลมหายใจและร่างกายเป็นฐานให้ใจจดจ่อ ใจแอบหนีไปคิดอยู่เรื่อยๆ แต่ความคิดก็ถูกระลึกรู้อยู่เรื่อยๆ

แต่ครั้งนี้สามารถรักษาความต่อเนื่องของกราฟได้เป็นระยะตลอดชั่วโมงโดยไม่ง่วงและไม่หลงนานจนเกินไปและไม่เครียด


11ตค2564
ดูลมระหว่างนั้นมีหนีไปคิดเยอะเยอะมีหาวมีเผลอกระดุกกระดิก สารพัดจะมี



เคลื่อนไหวมือตามลมหายใจ 2 ท่า ท่าละ 10 นาทีนั่งไปสักพักยิ่งนั่งยิ่งฟุ้งยาว 



12ตค2564
ปวดหัวข้างซ้ายแต่ก็ลองนั่งดูเคลื่อนไหวมือท่าเดียว 10 นาทีแรกลมหายใจค่อยๆสั้นเร็วขึ้นก็ให้มือไปตามลมตามสบาย
นั่งฟุ้งซ่านนิดก็ปวดหัวไปเรื่อยๆก็ดูไปเรื่อยๆ



ปวดหัวข้างซ้ายแต่ก็นั่ง 35 นาทีบอดี้สแกนสาวขึ้นหัวช่วงท้ายหาวหวอดๆทั้งที่ไม่ได้ง่วง



13ตค2564
วันนี้ไปช่วยงานที่วัดดาน ระหว่างนั่งรถกลับรู้สึกถึงพลังงานในร่างกายโดยเฉพาะปลายมือปลายเท้าบนหัวค่อนข้างชัด ระหว่างนั่งสมาธิก็เป็นเช่นนั้น แกมมาสูงซึ่งมักจะมาคู่กับเบต้าสูง



วุ่นไป

14ตค2564
นั่งสมาธิตอนตื่นนอน



ก่อนหน้านี้จับนกใน muse แล้วง่วงมากพอมานั่งต่อเลยเปลี่ยนแนวจากดูลมมานึกถึงเรื่องที่มีความสุขกลับไปย้อนถึงตอนช่วยงานวัดบางปลากดแล้วมีคนมาทักว่าทำไมดูมีความสุขจัง กลับไปย้อนดูรอยยิ้มและความสุขในตัวเอง แต่อยู่ได้แป๊บเดียวก็กลับมาง่วง ผลลัพธ์ grammar สูงมาก




จับนกใน muse แล้วมานั่งสมาธิก่อน เริ่มจากเพลงที่ตันเถียนล่าง 10 นาทีแล้วค่อยๆไต่ขึ้นระดับขึ้นมาแล้วที่บนศีรษะ ชั่วโมงแล้วปวดขาก็ดูความปวดขาไปพร้อมกับดูร่างกายไปทั่ว ช่วงหลังๆเริ่มมีหาวเริ่มมีเผลอขยับ



นั่งดูลมธรรมดา 10 นาทีแล้วเปิด app rov, awareness of emptiness and fullness of being.  ฟังไปฟังมาชักเคลิ้มง่วงหาว
16ตค2564
นั่งสมาธิยามเช้า รู้บ้างหลงบ้าง


20ตค2564
กลับจากช่วยงานเจดีย์ที่วัดดานวิเวกมายังวัดภูวัว มีความง่วงๆมึนๆเบลอๆงงๆ ก่อนนอนลองนั่งสมาธิดูหน่อยแต่ยิ่งนั่งยิ่งเบลอยิ่งง่วงจึงนั่งได้แค่ 6 นาที



21ตค2564
นั่งสมาธิตอนเช้านั่งไปนั่งมามีง่วงมีโยก




เดินจงกรมง่วงอย่างแรง

Deltaที่พุ่งแรงตอนท้ายมาจากสมองส่วนหน้าเป็นหลัก
Delta, theta, alpha ทั่วไป สมองส่วนหลังแรงกว่าส่วนหน้า
Beta ค่อนข้างใกล้เคียงกัน



นั่งสมาธิตื่นตัวดีช่วงหลังไหลไปในความคิดเยอะ
ยามนั่งสมาธิคลื่นสมองส่วนหลังทำงานเด่นชัดกว่าส่วนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง alpha
อย่างไรก็ตามตอนฟุ้งช่วงหลังเป็นอิทธิพลมาจากสมองส่วนหน้า
ยามนั่งสมาธิสมองส่วนซ้ายทำงานเด่นกว่าส่วนขวา


ปวดหัวนิดๆมึนหน่อยๆ
ส่วนหลังทำงานเด่นกว่าส่วนหน้า โดยแอลฟาหลังเด่นกว่าเป็นอย่างยิ่ง
สมองส่วนท้ายทํางานเด่นกว่าส่วนขวา โดยเฉพาะแกรมม่าเบต้าซ้ายเด่นมาก
22ตค2564
สมองด้านซ้ายจะทำงานด้านตรรกะการคิดวิเคราะห์ คำนวณตัวเลข

สมองด้านขวาทำงานด้านจินตนาการอารมณ์ความรู้สึก ความสุนทรีย์ ศิลปะ

ผู้ศึกษาศาสต์ด้านสมองพบว่าคนเก่ง คนประสบความสำเร็จ คนมีความคิดสร้างสรรค์สูง คือคนที่มีการทำงานเชื่อมโยงประสานกันของสมองทั้งสองด้านได้ดี

และพบว่า วิธีพัฒนาการเชื่อมโยงประสานของสมองทั้งสองด้าน นั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยการทำ meditation (ทำสมาธิ/เจริญสติ)

สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่พัฒนาการเชื่อมโยงประสานของสมองทั้ง 2 ด้านจะมากันเป็นขบวนดังนี้ คือ มีโฟกัสที่ดีขึ้น มีความคิดที่ลึกซึ้งขึ้นและคมชัดขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์สุดๆ มีสุขภาพทางจิตที่ดีเยี่ยม มีความทรงจำที่ดีขึ้น 

https://eocinstitute.org/meditation/how-meditation-balances-the-brain-hemispheres-boosts-creativity/

เดินจงกรม
ช่วงเดินจงกรมสมองข้างซ้ายมีคลื่นสมองที่แรงกว่าสมองขวา โดยเฉพาะแกมม่าและเบต้าสูงกว่ากันเยอะมาก



ช่วงเดินจงกรม คลื่นสมองด้านหลังเด่นกว่าด้านหน้า โดยเฉพาะ alpha theta delta
ส่วนใหญ่แล้วตำแหน่งที่แรงที่สุดของทุกคลื่นมาจากส่วนหลังซ้าย

เดินจงกรมไปเรื่อยๆ คลื่นสมองด้านหน้าซ้ายยิ่งมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ


สวดปาฏิโมกข์ ตืดขัดเปิดหนังสือช่วง 23, 43

ฟากหลังสูงและวุ่นวาย แอลฟาเด่น
ฟากหน้าต่ำและสม่ำเสมอ เดลตาเด่น

ฟากซ้ายวุ่นวาย แอลฟาเด่น
 ฟากขวาสม่ำเสมอ เดลตาเด่น

ซ้ายหลังอิทธิพลสูงสุด แอลฟาเด่น
ขวาหน้า สม่ำเสมอสุด เดลตาเด่น

บันทึกภาพแปลงภาพeegอันก่อนหน้าเอาลงเว็บเขียนข้อความ



ด้านหลังสูงและสม่ำเสมอ แอลฟา เดลตา
ด้านหน้าต่ำและวุ่นวาย แอลฟาเบตา

ด้านขวาเข้าข่ายแพทเทิร์นสมาธิ
หลังซ้ายมีอิทธิพลสูงสุด เดลตาเด่น
หน้าซ้ายค่อนข้างคงที่เบต้าเด่น คลื่นความถี่ต่ำด้อย
หน้าขวายุบยับ
หลังขวาแอลฟ่าเด่น

นั่งสมาธิ



หลังแรงกว่าหน้า
หลังความถี่ต่ำเด่นขึ้นมา
หน้าความถี่ต่ำโดนกดลงไป

ซ้ายแรงกว่าขวา แพทเทิร์นสมาธิพอกัน
ซ้ายหลัง คลื่นแรงสุด

ขวาหน้า คลื่นเบาสุด
23ตค2564
เดินจงกรมเดินไปเดินมาแล้วง่วงหนัก เกือบทุกครั้งที่หยุดปลายทางเดินจะเผลอหลับตาแล้วหลับฝันแป๊บนึง
กราฟดูเหมือนว่าจะผุดเข้าหาแพทเทิร์นสมาธิแบบหลับตา
อากาศเย็นอุณหภูมิ 20 องศา อาบน้ำเย็นแล้วมานั่งสมาธิ ตื่นตัวมาก

หน้า ความถี่ต่ำโดนกด 
หลังเด่นสุด 
ขวาแพทเทิร์นสมาธิแท้
ซ้ายแพทเทิร์นคิด
24ตค2564
เดินจงกรมอากาศหนาวประมาณ 20 กว่าองศา
จับนก muse 15 นาทีแล้วมานั่งสมาธิต่อไล่ดูกายจากหัวลงล่าง

ในการนั่งสมาธิ gammar พอกันหน้าหลัง
beta หลังดังกว่าอยู่ 10
delta theta หลังดังกว่าอยู่ 20
Alpha หลังดังกว่าอยู่ 40

ซ้ายขวาใกล้เคียงมาก
ซ้ายแรงกว่าประมาณ +10 ทุกคลื่น
___
ที่บึงกาฬ อุณหภูมิขณะอาบน้ำ 25 องศา น้ำเย็นมาก แต่อาบเสร็จแล้วรู้สึกตื่นตัวเป็นพิเศษ มานั่งสมาธิต่อ ดูกายจากหัวจดเท้า


สมองซีกซ้ายแรงกว่าสมองซีกขวาทุกคลื่น ความมากกว่าโดยประมาณ
Delta +10, Theta +15, Alpha +10, Beta +25, Gamma +35
ซ้ายเด่นมากด้านความถี่สูง


สมองด้านหลังแรงกว่าสมองด้านหน้าที่คลื่นความถี่ต่ำ ความมากกว่าโดยประมาณ
Delta +20, Theta +25, Alpha +40
ที่คลื่นความถี่สูงด้านหน้าแรงกว่า
 Beta +0 Gamma +35


Delta,Theta,Alpha เด่นสุด
หน้าซ้ายมักจะต่ำลง
Gamma,Beta เด่นสุด
ขวาpatternสมาธิคงที่
Delta,Theta,alpha,beta,gamma ด้อยสุด
25ตค2564
นั่งสมาธิตอนเช้ามืดอุณหภูมิประมาณ 23 องศา ช่วงหลังเหมือนเผลอหลับงีบสัปหงกง่วง








นั่งสมาธิฟังเทศน์ อ.ตั๋น
ฟังไปๆแล้วง่วงเคลิ้ม
26ตค2564
วันนี้ตื่นมารู้สึกถึงความแน่นๆขมุกขมัวอยู่ในบริเวณหน้าอกจึงนั่งสมาธิดูกายแล้วมาดูความขมุกขมัวตรงหน้าอก มีเปิดคิดไปบ้างเผลอนั่งหลังงอบ้างเผลอขยับเขยื้อนบ้างพอรู้ตัวก็กลับมาดูใหม่

ปัดกวาดนิดนึงแล้วเดินจงกรมต่อ แผลเยอะแต่ก็กลับมาระลึกได้อยู่เรื่อยๆอยู่


ซ้ายถี่สูงเด่น
ขวาถี่ต่ำเด่น

สายหลังเด่นสุดเหนือทุกที่โดยเฉพาะความถี่สูง



นั่งสมาธิตั้งใจบริกรรมพุทโธ



นั่งสมาธิ 





อาบน้ำเสร็จตื่นตัว เคลื่อนไหวมือสองท่าท่าละ 16 ลมหายใจ แล้วดูลม ดูความทุกข์ว่าอยู่ตรงไหนก็ผ่อนตรงนั้น
อิทธิพลของการเคลื่อนไหวส่งผลโดยตรงกับแกมมาและเดลต้า
แหล่งของ แกรมม่า เบตา มาจากซ้ายหน้า

แหล่งของคลื่นความถี่ต่ำdelta theta alpha มาจากสมองส่วนหลัง
27ตค2563

นั่งสมาธิ 15 นาทีหลังทวนปาฏิโมกข์

28ตค2564
เดินจงกรมไหลคิดเยอะ รู้ทันบ้าง
นั่งสมาธิไหลไปคิดเยอะ ผลลัพธ์แกมมาสูงมาก

นั่งสมาธิหลังทวนปาฏิโมกข์
 นั่งสมาธิ 99 นาที 
10 นาทีแรกหายใจพร้อมขยับมือท่าที่ 1 
10 นาทีที่ 2 หายใจพร้อมขยับมือท่าที่ 2
10 นาทีที่ 3 ไร่ไก่บนลงล่าง
10 นาทีที่ 4 ไร่กายล่างขึ้นบน
เวลาที่เหลือดูลมหายใจเกิดพลังงานเด่นที่ตรงไหนก็ดูลมหายใจไปพร้อมพลังงานที่ตรงนั้น








grammar beta คลื่นความถี่สูง เด่นอยู่ทางซ้าย
อัลฟ่าเบต้า delta คลื่นความถี่ต่ำ เด่นอยู่ด้านหลัง

29ตค2564
นั่งสมาธิตอนตื่นนอน ถ้าจะมาค่อนข้างสูงกว่านั่งสมาธิตามปกติ เท่าที่สังเกตมาเมื่อข้าจะมาสูงจะตื่นตัวเป็นพิเศษและจะยกระดับคลื่นสมองทุกตัวให้สูงขึ้นตามไปด้วยโดยเฉพาะ beta ที่จะเข้าจังหวะขนานกันไปแทบจะตลอด




นั่งสมาธิ 10 นาทีแรกเคลื่อนไหวมือ


31ตค2564
นั่งสมาธิ 30 นาที เคลื่อนไหวมือจนถึงจุดที่ผงกหัว



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์การใช้ muse S วัดคลื่นสมอง

สนุกกับการวิเคราะห์คลื่นสมอง

การคิดคะแนนของ Muse

ว่าด้วยเรื่องการเดินจงกรม

บันทึกประจำวันคลื่นสมองด้วย muse ผ่านแอพ mind monitor